แรงงานขอ "ปรับค่าแรง" 700 บ./วัน เอกชน-ปลัดแรงงานดับฝัน

ความคืบหน้ากรณีประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ออกมาเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2561 เป็น 700 บาทต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงเท่ากันทั้งประเทศนั้น

ล่าสุด นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในส่วนของเอกชนมองว่าในอัตราดังกล่าวไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากในอัตรา 700 บาทต่อวันถือเป็นค่าแรงที่เกินในระดับปริญญาตรี ทั้งนี้หากมีการปรับขึ้นเชื่อว่าในภาคการค้า บริการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม ค้าขาย จะได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงนอกเหนือจากภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตามมองว่าภาครัฐจะดูแลค่าจ้างแรงงานอย่างเหมาะสม และคณะกรรมการไตรภาคีจะพิจารณาปัจจัยประกอบทั้งค่าครองชีพ พื้นที่ที่ปรับเพิ่มอย่างรอบคอบ เนื่องจากแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

ด้าน ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) กล่าวว่า การเรียกร้องขอปรับค่าจ้างมากถึง 700 บาท เป็นไปไม่ได้ การปรับค่าจ้างจะต้องอยู่บนความเป็นจริง ต้องพิจารณาสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การพิจารณาค่าจ้างเป็นระบบไตรภาคี มีอนุกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัดรวบรวมข้อมูล ปัจจัยชี้วัดทางเศรษฐกิจ ซึ่งระบบไตรภาคีมีกฎหมายกำหนดไว้จะให้ยกเลิกไปใช้วิธีอื่นไม่ได้

ในปีที่ผ่านมากลุ่มผู้ใช้แรงงานเรียกร้องปรับขึ้น 360 บาท แต่สภาพเศรษฐกิจช่วงนั้นยังไม่ดีจึงปรับมากไม่ได้ ครั้งแรกคาดว่าน่าจะปรับขึ้นได้ถึง 320 บาท แต่เมื่อนำข้อมูลการปรับค่าจ้างและปัจจัยชี้วัดทางเศรษฐกิจมาเข้าสูตรคำนวณ สามารถปรับขึ้นได้ 5-10 บาท ใน 69 จังหวัด ค่าจ้างจาก 300บาทขยับไปเป็น 305, 308 และ 310 บาท ส่วนอีก 8 จังหวัด ไม่ปรับขึ้น ยังคงที่ 300 บาท เพราะสูตรกำหนดให้ปรับขึ้นไม่ถึง 1 บาท แต่ในปีนี้เศรษฐกิจโตขึ้นจึงจะมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำแน่นอน และอาจจะปรับขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่จะไม่ใช้การปรับขึ้นอัตราเดียวกันทั่วประเทศ เพราะแต่ละจังหวัดมีสภาพเศรษฐกิจ มีปัจจัยต้นทุนแตกต่างกัน ค่าจ้างจึงต้องแตกต่างกัน

ขณะที่ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธาน คสรท. กล่าวว่า ตัวเลข 600-700 บาท ที่พูดออกไป เป็นเพียงการยกเอาผลการสำรวจของ คสรท. เมื่อปี 2554 ซึ่งผลสำรวจค่าจ้างที่เพียงพอในปีนั้นอยู่ที่ 560 บาท แต่ผ่านมาแล้วหลายปี ด้วยอัตราเงินเฟ้อและทุกอย่างเปลี่ยนไปจึงทำให้ค่าจ้างที่คน 1 คน จะสามารถเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้อีก 2 คน จะต้องอยู่ที่ 600-700 บาท เป็นการเปรียบเทียบว่าปัจจุบันต้องอัตรานี้ถึงจะอยู่ได้ เป็นเพียงตัวเลขตามการคำนวณ เป็นสูตรคิด จะได้แค่ไหนก็ต้องมาคุยกันในเวทีที่หลากหลายครอบคลุม ไม่ใช่แค่ไตรภาคี เพราะสุดท้ายลูกจ้างก็แพ้เสียงรัฐกับนายจ้าง

ขอบคุณที่มาจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม